นักวิชาการเชื่อ GDP Q4/65 เป็นจุดต่ำสุด มองส่งออก Q2/66 ฟื้น

นักวิชาการเชื่อ GDP Q4/65 เป็นจุดต่ำสุด มองส่งออก Q2/66 ฟื้น ห่วงหนี้ครัวเรือน-หนี้สาธารณะสูง

เศรษฐศาสตร์

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย และ อดีตกรรมการสภาวิจัย สาขาเศรษฐศาสตร์ กล่าวถึง พลวัตเศรษฐกิจไทย 2566 ภายใต้ความผันผวนตลาดการเงินและทุนนิยมโลกาภิวัตน์ ทำให้ภาคการผลิต ภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนต้องปรับตัวตลอดเวลา การแข็งค่าของเงินดอลลาร์จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ดีกว่าคาดมาก ตลาดการจ้างงานแข็งแกร่ง ดัชนีราคาผู้ผลิตปรับตัวสูงขึ้นและอัตราเงินเฟ้อจากอุปสงค์ยังไม่ลดลงการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้เป็นไปตามเป้าหมาย 2% จึงต้องอาศัยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางที่มากขึ้นและยาวนานขึ้น

ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวจากเงินไหลออกจากตลาดการเงินไทยและภาคส่งออกที่ทรุดตัวมากกว่าคาดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสี่ของปี พ.ศ. 2565 อยู่ที่ระดับ 1.4% ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ของสำนักวิจัยส่วนใหญ่ค่อนข้างมาก ชะลอตัวลงจากการขยายตัวร้อยละ 4.6% ในไตรมาสสามของปี พ.ศ. 2565 จีดีพีที่ต่ำกว่าคาดการณ์มากในไตรมาสสี่เป็นผลมาจาการปิดประเทศของจีนในช่วงไตรมาสสามและสี่ปีที่แล้วและผลของการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก อัตราการขยายตัวของมูลค่าส่งออกของจีนติดลบ -6.9% และญี่ปุ่นติดลบ -4.6% เกาหลีใต้หดตัว -10% ไต้หวัน -8.6% และ โดยประเทศเหล่านี้เป็นห่วงโซ่อุปทานภาคการผลิตเพื่อส่งออกที่เชื่อมโยงกับไทย ปัจจัยภายนอกดังกล่าวทำให้มูลค่าส่งออกของไทยลดลงติดลบ 7.5% ในไตรมาสสี่และคาดว่าน่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว โดยประเมินว่า ไตรมาสสองภาคส่งออกของไทยน่าจะมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดมีแนวโน้มเกินดุลมากขึ้น โอกาสที่เงินบาทอ่อนค่าลงไปเรื่อยๆจึงไม่เกิดขึ้น การอ่อนค่าของเงินบาทในช่วงนี้จึงเป็นปรากฎการณ์ระยะสั้น บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งในตลาดหลักทรัพย์มีผลกำไรชะลอตัวลง เมื่อบวกเข้ากลับแรงกดดันจากอุตสาหกรรมการเงินที่กระตุ้นผลลัพธ์ระยะสั้น ทำให้เกิดความไม่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจที่แท้จริงเท่าไหร่นัก หมายความว่า เงินบาทที่อ่อนค่าและดัชนีตลาดหุ้นที่ปรับฐานลงมาแรงไม่ได้สะท้อนภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันและอนาคตมากนัก โดยเศรษฐกิจไทยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว ภาคการบริโภค และการขยายตัวของกำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม